วิธีเอาชนะความขี้เกียจ
อากาศเย็นกำลังดีหลังวันหยุดต่อเนื่อง แบบนี้ ทำให้การลุกจากเตียงนอนเช้าๆ
กลายเป็นกิจกรรมที่ชาวโลกส่วนใหญ่ลงมติว่าทำได้ยากที่สุดไปแล้ว
ยังไม่รวมปณิธานปีใหม่ที่เราต่างสัญญากบตัวเองไว้ดิบดี
แค่เพียงเริ่มต้นมันแสนยาก บางที เหตุผลหนึ่งที่เราเอาชนะความขี้เกียจไม่ค่อยได้
เป็นเพราะเราไม่รู้จักมันดีพอ ทั้งๆ
ที่เราได้ยินได้ฟังเรื่องความขี้เกียจมาตั้งแต่เด็กๆ เช่น จากนิทานอีสป เรื่อง
มดขยันกับตั๊กแตนขี้เกียจ หรือจากคัมภีร์ไบเบิลที่ระบุว่าความขี้เกียจ (sloth)
คือ หนึ่งในบาปเจ็ดประการของมนุษย์
ปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้เกิดความขี้เกียจ มีหลายประการ ซึ่งได้แก่ ความอ่อนเพลีย
สมองของคนเราต้องการการพักผ่อนอย่างสม่ำเสมอ ความต้องการความสุขสบาย
มนุษย์มีสัญชาตญาณรักความสบายอยู่ในตัว การกลัวความล้มเหลว การขาดแรงจูงใจ
และพันธุกรรมและสารเคมีในสมอง
นิวรณ์ 5 ต้นตอของความขี้เกียจ หมายถึง
สิ่งที่ขวางกั้นจิตไม่ให้มีสมาธิ ทำให้ไม่สามารถทำสิ่งใดให้ประสบความสำเร็จได้
อันได้แก่
- กามฉันทะ คือ ความยินดี พอใจ เพลิดเพลิงในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
- พยาบาท คือ ความโกรธ ความพยาบาท ความไม่พอใจ ความขัดเคืองใจ
- ถีนมัทชะ คือ ความหดหู่ ถ้อถอย ความง่วงเหงางาวนอน
- อุทอิจกุลกุจจะ คือ ความฟุ้งซ่าน และความรำคาญใจ
- วิจิกิจฉา คือ ความลังเล สงสัย ไม่แน่ใจ
เคล็ดลับในการผ่าด่านความขี้เกียจ
เริ่มจากการเตรียมกายให้พร้อมอยู่เสมอ ออกกำลังกายตอนเช้า
เติมพลังโดยการรับประทานอาหารเช้า การกินผักให้มากกว่าเนื้อ ดื่มน้ำสะอาด
- ทำด้วยใจรัก เป็นตัวของตัวเอง และทำสิ่งที่คุณชอบ การทำสิ่งที่ชอบจะนำมาซึ่งพลังงานความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีวันสิ้นสุด
- การลงมือทำทันที คือ ยาพิชิตความขี้เกียจที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นรากฐานแรกของความสำเร็จ
- เปิดรับความท้าทาย ลบความคิดที่ว่า ฉันทำไม่ได้ ทิ้งไป เพราะความผิดพลาดคือครูที่ดีที่สุดของมนุษย์
- มองภาพเล็กไว้ก่อน การมองภาพใหญ่ หรือการคาดหวังเป้าหมายในระยะยาว อาจทำให้เกิดความย่อท้อได้ง่ายๆ
- ติดตามความคืบหน้า การเขียนความก้าวหน้าของคุณลงในสมุดทุกวันช่วยให้เราจดจอต่อเป้าหมาย
- ให้คำมั่นสัญญา บอกให้เพื่อนฝูงหรือคนใกล้ตัว รับรู้เกี่ยวกับเป้าหมายของเรา
- เป็นผู้รอที่ดี เลิกหวังผลแบบทันทีทันใด แล้วหันมาอดทนเพื่อผลลัพธ์ที่ใหญ่กว่า
- ให้รางวัลตัวเอง ยอมให้ตัวเองได้หยุดพักเมื่อทำงานเล็กๆ สำเร็จ เพื่อสะสมกำลังไว้
การบังคับใจตนเองให้ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ และทำความดีอยู่เสมอต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้น
เราอย่าปล่อยให้ความสุขสบายเพียงชั่วครั้งชั่วคราวมาลวงให้เราไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
อย่างไรก็ดี ถ้าคนไม่รักในงาน แต่หวังผลสำเร็จของงาน
ก็จะหาหนทางหลบเลี่ยงเพ่อให้ตัวเองออกแรงน้อยลง
หรือทุจริตเพื่อหวังเงิน
วัตถุ ตำแหน่ง ซึ่งตัณหาเหล่านี้คือตัวการที่ทำให้เราขี้เกียจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น