ครูไทยกับการเรียนการสอนสู่อาเซียน
โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สังคมแห่งการเรียนรู้ไม่มีวันหยุดนิ่ง
สังคมโลกกลายเป็นสังคมความรู้ (Knowledge Society) หรือสังคมแห่งการเรียนรู้
(Learning Society) องค์กรทางการศึกษา
จึงต้องปรับตัวให้เป็นองค์แห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) โดยพึงตระหนักว่าคุณภาพการศึกษาขึ้นอยู่กับคุณภาพครูเป็นหลัก ครู
และบุคลากรทางการศึกษาจึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จะถ่ายทอดความรู้
ความสามารถแก่ศิษย์
ในชุดปัจจุบัน
กระบวนการเรียนการสอนมีการเปลี่ยนแปลงโดยผู้เรียนจะเรียนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสารที่ทันสมัย และสามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่สืบเนื่องมาจากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นต่อห้องเรียน
จนทำให้วิธีการสอนแบบเต็มๆ ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
สื่อที่แสดงมีขนาดใหญ่ไม่เพียงพอสำหรับผู้เรียนที่อยู่หลังห้อง
ความจดจ่อกับผู้สอนถูกเบี่ยงแบนจากพฤติกรรม และสภาพแวดล้อมในชั้นเรียนขนาดใหญ่
ผู้เรียนมีการนำเอาคอมพิวเตอร์พกพาเข้ามาสืบค้นความรู้ในห้องเรียน
และถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ครูกำลังสอน หรือนำข้อมูลเหล่นั้นมาคุย
โดยที่ครูตอบไม่ได้ เมื่อสังคมโลกเปลี่ยนไป
ผู้เรียนไม่ได้เรียนรู้จากโรงเรียนเพียงอย่างเดียว
แต่สามารถเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ภายนอกที่เป็นสังคมรอบตัว
จากสภาพการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น
จะเห็นได้ว่าการจัดการศึกษาในประเทศไทยต้องมีการพัฒนาให้สอดคล้องกับสภาวะโลก
การเข้าสู่สังคมอาเซียนในไม่กี่ปีข้างหน้า ไม่เพียงเฉพาะครูเท่านั้น
แต่หมายรวมถึงการพัฒนาทั้งระบบให้เอื้อต่อการเรียนรู้ในยุคสมัยใหม่ด้วย
ดังนั้นจึงควรมีแนวทางที่ควรส่งเสริม และเปิดมุมมองของการพัฒนาครู
คือควรมีการให้ความรู้และปรับแนวคิดของครูให้เข้าใจวิธีการเรียนรู้ในยุคอาเซียน
ที่ผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้ด้วยตนเอง จากการสืบค้น การลงมือปฏิบัติ
มีอิสระในการเรียนรู้ โดยมีครูคอยชี้แนะในลักษณะของผู้ให้คำปรึกษา
ควรส่งเสริมให้ครูได้ศึกษา และเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น และควรมีการกำหนดมาตรฐานอาชีพครู
โดยเฉพาะความรู้ความสามารถด้านมาตรฐานการปฏิบัติงานของครู ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้สามารถใช้เป็นเกณฑ์วัดความเป็นครู
และเป็นเครื่องมือตรวจสอบ กลั่นกอรงผู้ประกอบวิชาชีพครูได้อย่างชัดเจน
มีคุณภาพ การส่งเสริมให้ครูทำวิจัยควบคู่ไปกับการจัดการเรียนการสอนเพื่อเปลี่ยนไปสู่ครูนักวิจัย
โดยครูจะนำปัญหาที่พบในชั้นเรียนจากประสบการณ์เป็นปัญหาในการวิจัย
เพื่อหาแนวการแก้ไข หรือแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป
ควรถ่ายทอดแนวคิดและการปฏิบัติในการจัดการเรียนรู้
เพื่อสร้างผู้เรียนให้รู้จักคิดวิเคราะห์ อย่างมีเหตุมีผล มีจิตวิจัย
ใช้ข้อมูลเพื่อการพัฒนาและแก้ปัญหา ครูควรอาศัยประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
เพื่อให้ผู้เรียนเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้แบบไม่มีขีดจำกัดเฉพาะในห้องเรียน
หรือจากครูเท่านั้น มีการพัฒนาระบบการผลิตครู ออกสู่ตลาดการศึกษา รวมทั้งหลักสูตรครูที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมโลก
นโยบายที่ชัดเจนจะก่อให้เกิดการพัฒนาครูอย่างทั่วถึง การกำหนดมาตรฐานวิชาชีพและการนำเทคโนมาประยุกต์ใช้ก็เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้ครูพัฒนาตนเอง
ครูจะต้องมีความเข้าใจทางภาษาเพื่อสื่อสารในอาเซียน โดยเปลี่ยนแปลงทั้งทัศนคติ
วิธีสอน และบทบาท ทั้งยังส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้และประสบการณ์ที่หลากหลาย จนกลายเป็นความรู้ใหม่ที่สามารถนำมาปรับใช้ภายใต้บริบทของตนเอง
เพื่อถ่ายทอดและเสริมสร้างความรู้ให้ผู้เรียนคิดเป็น แก้ปัญหาเป็น ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้เรียน
มีคุณธรรม จริยธรรม มีทักษะชีวิตและวิชาชีพตามคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ของประเทศชาติต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น